วัดนันทาราม ตำบลหายยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ 87 ถนนนันทาราม ตำบลหายยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50100 สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2020
ที่ตั้งวัดนันทารามแต่เดิมเป็นป่าไผ่ ตามตำนานกล่าวว่า “เอกํ สมยํ ยังมีในกาละคาบหนึ่ง ภควาอันว่าพระพุทธเจ้าแห่งเรา เมื่อออกวัสสาแล้ว มีพระอานนท์ พระโสนะเถรเจ้าและพระรัตนเถรเป็นบริวาร เสด็จออกจากเมืองกุสินารา ซึ่งมีพระยาอโศกราชเป็นพระเจ้าแผ่นดิน พร้อมด้วยพระยาอินทาธิราชก็ตามมาอุปัฎฐาภพระพุทธเจ้าและพระอรหันตาเจ้า 4 ตนนั้น พระพุทธเจ้าเสด็จเทศนาสั่งสอนโปรดหมู่คณะและเทวดาทั้งหลายในตามนิคมราชธานีน้อยใหญ่โดยลำดับเรื่อยมา จนถึงเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่อยู่ของหมู่ชนเผ่าทัมมิละ(ลั้วะ) เมื่อเสด็จมาถึงวัดบุบผารามพระพุทธเจ้าไว้เกสาธาตุเส้น 1 เสด็จไปเวฬุวนารามไว้เกสาธาตุเส้น 1 เสด็จไปอโสการามไว้เกสาธาตุเส้น 1 เสด็จไปพิชารามไว้เกสาธาตุเส้น 1 เสด็จไปสังฆารามไว้เกสาธาตุเส้น 1 แล้วเสด็จไปโชตติการามไว้เกสาธาตุเส้น 1 แล” จากนั้นพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยบริวารเสด็จไปหนหรดี(ทิศตะวันตกเฉียงใต้) ยังมีชาวเผ่าทัมมิละผู้หนึ่งตูบ(กระท่อม)หลังหนึ่งอยู่เฝ้าดูแลไร่สวนแห่งตน ซึ่งบริเวณพื้นที่เหล่านั้นเป็นป่าไม้ไผ่ เมื่อพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยบริวารเข้าประทับในตูบแห่งตนคืนหนึ่ง พอรุ่งเช้านายทัมมิละก็ถวายพฃภัตตาหารบิณฑบาตรแค่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ เมื่อพระพุทธเจ้าฉันภัตตาหารบิณฑบาตแล้วพระองค์ทรงทำนายว่า “ฐานะที่นี้จักเป็นอารามอันหนึ่งจักได้ชื่อว่า นันทาราม หมื่นชะแล” พระพุทธเจ้าก็เอาเกสาธาตุไว้ให้นายทัมมิละเส้น 1 นายทัมมิละก็อาราธนาพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระอรหันต์สถิตสำราญในสวนแห่งตนและได้สร้างมณฑบหลังใหญ่ประดับประดาด้วยเครื่องนานา อันประณีตวิจิตรแล้วถวายเป็นทานแด่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ นายทัมมิละจึงเอาเกสาธาตูแห่งพระพุทธเจ้าไว้ในที่ประดับแล้งก่อพระเจดีย์สูง 3 ศอก ในขณะนั้น ยังมีนายตะมิระผู้หนึ่งมีความปิติยินดีในคุณพระพุทธองค์เป็นอันมาก ก็เอาผ้าสะใบของตนทำเป็นช่อตุงบูชาพระพุทธเจ้า แล้วก็อาราธนาพระพุทะเจ้าพร้อมด้วยพระเถระเจ้าเสด็จไปโชติการาม (วัดเจดีย์หลวง) ยังมีนายสิงหนาทผู้หนึ่งอายุได้ 106 ปี เห็นพระพุทธเจ้าก็เกิดความปิติยินดีชื่นชมมากนักก็พูดว่า ข้ามีอายุได้ร้อยหกปีแล้วก็เพิ่งได้มาเห็นพระพุทธเจ้าในวันนี้เอง แล้วก็เอาผ้าสะใบของตนชุบน้ำมันจุดบูชาพระพุทธเจ้าด้วยจิตศรัทธา และได้ถวายผ้าสังฆาฏิแก่พระพุทธองค์ พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ตถาคตมาถึงที่นี้ นายตะมิระเอาผ้าสไบทำเป็นช่อตุงบูชา และมาบัดนี้สิงหนาทได้ถวายผ้าสังฆาฏิ และเอาผ้าสะใบจุดบูชาเราอีก นิมิตอันนี้ภายหน้าจักเป็นมหานครอันหนึ่งมีชื่อว่า “พิงค์นคร” และเป็นที่อยู่แห่งแก้วทั้งสาม รูปของตถาคตชื่อว่า พระแก้ว พระสิงห์ จะมาตั้งอยู่ในเมืองอันนี้เป็นที่สักการบูชาแก่คน และเทวดาทั้งหลายต่อไปภายหน้า ในกาละนั้นพระอินทร์และพระยาอโศกราชได้ขอเอาเกสาธาตุของพระพุทธเจ้า แล้วในไปใส่บอกไม้ซางใส่ผะอูบคำใบใหญ่นำไปบรรจุหลุมลึกได้ 5 วา (บางตำนานก็ว่าลึก 100 วา) กว้าง 50 วา ทำพื้นราบเสมอดีงามแล้วเรียงด้วยแผ่นหินทำแท่นทองคำตรงกลางหลุมเอาผะอูบเกสาธาตุตั้งเหนือแท่นทองคำ นายตะมิระก็ใส่ข้าวของมีมูลค่าสินล้านบูชาเกสาธาตุ พระอินทร์ก็นำเอาหินมาปิดไว้ข้างบนก่อเจดีย์สูงได้สามศอกไว้เป็นที่กราบไหว้และบูชาแก่คนและเทวดาทั้งหลาย ขณะนั้นพระพุทธองค์จึงตรัสว่าเมื่อใดตถาคตนิพพานแล้วท่านทั้งหลายจงเอามือขวาแห่งเราตถาคตมาไว้กับเกสาธาตุทึ่นี้เถิด (ณ ที่นี้จึงเรียกว่าธาตุเจดีย์หลวง) แล้วพระพุทธองค์พร้อมด้วยพระเถระก็เสด็จกลับสู่บ้านกุมภะเศรษฐีทรงไว้เกสาเส้น 1 แล้วก็เสด็จกลับเมืองกุสินาราพร้อมด้วยพระเถรเจ้าทั้ง 4 องค์ในวันนั้นแล
ลำดับเจ้าอาวาส:
รายนามเจ้าอาวาสเท่าที่ทราบและพบหลักฐานสมัยราชวงศ์มังราย พ.ศ. 1839 – 2101 1. สมเด็จราชคุคุตนเป็นเค้าแก่สังฆะทังมวลมีพระนามว่ามหาธรรมกิตติเถร อยู่วัดนันทาราม หนใต้เวียง พ.ศ. 1987 – ย้ายไปบำเพ็ญสมณธรรมวัดพันเลา (เสาหิน) และย้ายไปวัดป่าแดงหลวง รัตนวนมหาวิหาร
2. พระมหาญาณคัมภีร์ พ.ศ. 1990 – ย้ายไปวัดราชมณเทียร – วัดป่าตาลหลวง – วัดป่าแดงหลวง รัตตวนมหาวิหาร
3. พระมหารัตตนาคะ พ.ศ.- รั้งเจ้าอาวาสหลังกลับจากลังกามานานแล้ว ตามคำสั่งของสมเด็จราชครูเจ้า
4. พระมหาจิตตหนะ สหธรรม อาจารย์เดียวกันกับพระมหาญาณคัมภีร์ เคยเดินทางไปลังกาด้วยกัน รักษาการเจ้าอาวาส พ.ศ. – สมัยพม่ารามัญปกครองเชียงใหม่ล้านนา พ.ศ. 2101 – 2317 ( ยังไม่พบหลักฐาน ) สมัยกรุงธนบุรี ( ยังไม่พบหลักฐาน ) สมัยรัตนโกสินทร์ พ.ศ. 2325 เป็นต้นมา 1. ครูบาปัญโญภาส พ.ศ. –
2. ครูบาโพธา พ.ศ. –
3. วัดนันทาราม ตั้งอยู่แขวงด้าวประตูขัวก้อม ในเวียงเชียงใหม่ ชั้นนอก เจ้าอธิการชื่อเจ้าตุ๊เทพวงศ์ (เชื้อเจ้าเชียงตุง) นิกายเขินยังไม่ได้อุปัชฌายะ รองอธิการชื่อตุ๊อภิวงค์จำนวนพระลูกวัดในพรรษานี้มี 3 องค์ สามเณร 9 องค์ ขึ้นแก่วัดหมื่นสาร
4. พระอธิการคำอ้าย อินทจกโก มรณะ พ.ศ. 2494
5. พระอินตก อหึสโก รักษาการแทนเจ้าอาวาสนาน 1 ปี มรณภาพ พ.ศ. 2496
6. พระอินสอน รักษาการแทนเจ้าอาวาสนาน 2 ปีเอาคิหิเพศขึ้นต่าง(ลาสิกขา) พ.ศ. 2498
7. พระอินแก้ว ธมฺมรตโน(มณีรัตน์) ได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดนันทาราม เมื่อวันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2502 เป็นพระอธิการอิ่นแก้ว – ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลแม่เหียะ อ.เมือง เชียงใหม่ เมื่อวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 เป็นเจ้าอธิการอิ่นแก้ว – ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อพฤหัสวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522 รุ่นที่ 14 – ได้รับสมณศักดิ์สัญญาบัตรชั้นตรี ราชทินนาม พระครูสิริรัตนสุนทร ที่วัดพระบาทมิ่งเมือง จ. แพร่ เมื่อวันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2523 – ได้เลื่อนชั้นสัญญาบัตรชั้นโท ที่วัดพระแก้ว จ.เชียงราย เมื่อวันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2529 – ได้เลื่อนชั้นสัญญาบัตรชั้นเอก ที่วัดหนองโว้ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย เมื่อวันพุธที่ 9 มกราคม 2534
8. พระปลัดบุญธรรม ธมฺมวโร ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดนันทารามคนปัจจุบัน เกิดเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2503 ปัจจุบัน มีอายุ 42 พรรษา เริ่มบวชเมื่อ พ.ศ. 2515 จบการศึกษา ม. 6 จากธรรมศึกษา ได้รับเลื่อนชั้นเป็นเจ้าอาวาสเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2540
งานสถาปัตยกรรม
1 หอพระไตรปิฎก มีทั้งหมด 2 ชั้น ชั้นที่ 2 เป็นที่สำหรับเก็บพระคัมภีร์โบราณ อายุไม่ต่ำกว่า 500-600 ปี ส่วนชั้นที่ 1 เป็นที่สำหรับปฏิบัติธรรม นั่งวิปัสสนา
2 หอวิหารหลวง พระวิหารตั้งอย่างสง่างาม ศิลปกรรมแบบล้านนาไทยโดยแท้ สร้างขึ้นแล้วบูรณะซ่อมแซมสืบต่อกันหลายชั่วคน เมื่อ พ.ศ. 2404 พระเจ้าชีวิตกาวิโลรสสุริยวงศ์ โปรดให้สร้างคือการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่ และให้ปั้นรูปพญาครุฑ บิดแขวนอวบรอบอกพญานาค 2 ตัว ข้างบันไดซ้ายขวา คือ สัญลักษณ์ที่ได้รับพระราชทานเกียรติยศเป็นเจ้าครองนครเชียงใหม่ เป็นศิลปกรรมอันงดงามไม่ซ้ำแบบในวัดอื่นๆในเมืองเชียงใหม่
3 พระอนุสาวรีย์ญาณคัมภีร์เถร พระมหาเถรองค์นี้ อุบัติขึ้นในพระอารามแห่งวัดนันทารามโดยกำเนิดเป็นปราชญ์ขั้ยอัจฉริยะแห่งล้านนาไทย ท่านได้เดินทางไปศึกษาสืบต่อพระพุทธศาสนา ณ ประเทศศรีลังกา นำมาเผยแผ่เปลี่ยนแปลงในล้านนาเพื่อความถูกต้องตามพุทธวจนะต่อไป


















