วัดร่ำเปิง ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ 1 ถนนคันคลองชลประทาน ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200 โทรศัพท์:053-287-620, 053-810-197 โทรสาร: 053-810-197 สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2035
พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์วงศ์มังราย ครองเมืองเชียงใหม่องค์ที่ 12 จ.ศ.804 มีพระราชโอรสอันประสูติจากพระมเหสีเพียงพระองค์เดียว คือ ท้าวศรีบุญเรือง เมื่อท้าวศรีบุญเรืองพระชนม์ได้ 20 พรรษา มีคนเพ็ดทูลพระเจ้าติโลกราชว่าท้าวศรีบุญเรืองเตรียมการจะคิดก่อกบฏ ทำให้ทรงคลางแคลงพระทัยจึงโปรดให้ไปครองเมืองเชียงแสนและเชียงราย ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านในขณะนั้น ณ เมืองเชียงรายนี้เอง ได้เป็นที่ประสูติของพระเจ้ายอดเชียงราย และโดยเหตุที่ประสูติบนยอดเขาสูงในเชียงราย(ยอดดอกบัว) ท้าวศรีบุญเรืองจึงประทานนามพระโอรสว่า”ยอดเชียงราย” ต่อมา พระเจ้าติโลกราชถูกเพ็ดทูลจากนางหอมุข พระสนมเอกว่า ท้าวศรีบุญเรืองเตรียมการก่อกบฏอีก จึงมีกระแสรับสั่งให้ปลงพระชนม์พระราชโอรสเสีย และหลังจากนั้นทรงโปรดให้ราชนัดดา คือ พระเจ้ายอดเชียงราย ครองเมืองชียงรายสืบต่อมา ครั้นถึงพ.ศ.2030 พระเจ้าติโลกราชเสด็จสวรรคต ราษฎรได้พร้อมใจกันอัญเชิญพระเจ้ายอดเชียงรายขึ้นครองเมืองเชียงใหม่ หลังจากที่จัดการบ้านเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทรงดำเนินการสอบสวนหาผู้ที่เป็นต้นเหตุยุแหย่ให้ท้าวศรีบุญเรือง พระราชบิดาต้องสิ้นพระชนม์ จนทำให้พระราชมารดาของพระองค์ทรงตรอมพระทัย ถึงกับเสียสติ พระองค์ทรงกำหนดโทษให้ประหารชีวิตแก่ผู้ที่เป็นต้นเหตุ แต่โดยที่พระองค์ทรงเลื่อมใสในพระบวรพุทธศาสนาอย่างยิ่ง ภายหลังที่ได้สั่งให้สำเร็จโทษผู้กระทำผิดไปแล้ว ทรงเกรงจะเป็นเวรกรรม จึงทรงดำริที่จะหาทางผ่อนคลายมิให้เป็นบาปกรรมต่อกันสืบไป ครั้งนั้นมีพระธุดงค์รูปหนึ่งมาจากต่างเมือง ได้ปักกลดอยู่ที่เชิงดอยคำ ตำบลสุเทพ ที่ตั้งของวัดร่ำเปิงในปัจจุบันนี้ ได้ทูลพระเจ้ายอดเชียงรายว่าว่า ณ ต้นมะเดื่อไม่ห่างจากที่ท่านปักกลดอยู่เท่าใดนัก ได้มีรัศมีพวยพุ่งขึ้นมาในยามราตรี สงสัยว่าจะมีพระธาตุประดิษฐานอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง พระเจ้ายอดเชียงรายจึงทรงช้างพระที่นั่ง อธิษฐานเสี่ยงทายว่า ถ้ามีพระบรมธาตุฝังอยู่จริงและพระองค์จะได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาสืบต่อไปแล้ว ก็ขอให้ช้างพระที่นั่งไปหยุด ณ ที่ที่มีพระบรมธาตุฝังอยู่ ทรงอธิษฐานแล้วก็ทรงช้างเสด็จไป ช้างนั้นก็ได้พาพระองค์มาหยุดอยู่ใต้ต้นมะเดื่อ พระองค์จึงให้ขุดรอบๆต้นมะเดื่อนั้น ก็ทรงพบพระบรมธาตุพระเขี้ยวแก้วบรรจุอยุ่ในผอบดินแบบเชียงแสน พระองค์จึงทำพิธีสมโภชและอธิษฐานขอให้เห็นอภินิหารของพระบรมสารีริกธาตุนั้น จากนั้นจึงบรรจุลงในผอบทอง แล้วนำไปบรรจุไว้ในพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นใหม่ในบริเวณนั้น พระองค์ได้จารึกประวัติการสร้างวัดนี้ลงในศิลาจารึกซึ่งเรียกว่า”ศิลาฝักขาม”(ตัวหนังสือฝักขาม) ดังมีใจความว่า “สองพันสามสิบห้าปีจุลศักราช ได้แปดร้อยห้าสิบสี่ตัวในปีเต๋าใจ๋(เหนือ) เดือนวิสาขะไทยว่าเดือนเจ็ดออก(ขึ้น) สามค่ำวันศุกร์ไทย ได้ฤกษ์อันถ้วนสอง ได้โยคขื่ออายูสมะ ยามกลองงาย แล้สองลูกนาที” ซึ่งแปลเป็นภาษาปัจจุบันว่า”วันศุกร์ขึ้นสามค่ำ เดือนเจ็ด ปีชวด พุทธศักราชสองพันสามสิบห้าปี เวลา 08.20 น. ได้ฤกษ์ภรณี (ดาวงอนไถ) ได้โยคมหาอุจจ์” คือการก่อสร้างวัดได้ส่วนกันทั้งทางฝ่ายพุทธจักรและอาณาจักร โดยพระองค์ได้ทรงมีพระราชบัญชาให้พระมเหสีชื่อ พระนางอะตะปาเทวี เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง
ลำดับเจ้าอาวาส:
1. พระครูพิพัฒน์คณาภิบาล (ทอง สิริมงคโล) พ.ศ.2538(รักษาการเจ้าอาวาสวัดร่ำเปิง) พ.ศ.2531 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดร่ำเปิง
2. พระปลัดสุพันธ์อาจิณณสีโล หรือพระครูธรรมธรสุพันธ์ อาจิณณสีโล พ.ศ.2539 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดร่ำเปิง
งานศิลปกรรม
1 1. พระบรมธาตุเจดีย์ ในพงศาวดารโยนก และชินกาลมาลีปกรณ์กล่าวว่าพระยอดเชียงรายโปรดให้สร้างวัดตโปทาราม ในปี พ.ศ.2035(ในชินกาลมาลีปกรณ์ ว่าวัดตโปทาราม คือวัดป่าตาลมหาวิหาร) พร้อมสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมธาตุที่ขุดพบได้ใต้ต้นมะเดื่อ ในบริเวณวัด ลักษณะรูปแบบศิลปกรรมของเจดีย์เป็นทรงกลม ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม 3 ชั้น ฐานแปดเหลี่ยม 1 ชั้น ฐานกลม 1 ชั้น แล้วขึ้นมาเป็นชั้นบัวหงายคั่นด้วยลูกแก้วก่อนถึงชั้นกลมอีก 3 ชั้น แต่ละชั้นจะมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปโดยรอบจำนวน 8 องค์ ส่วนยอดเป็นองค์ระฆัง ส่วนที่ควรจะเป็นปล้องไฉน ทำเป็นดอกบัวตูม เจดีย์สูงประมาณ 23 เมตร กว้าง 12.20×12.40 เมตร ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานวัดร่ำเปิง ตามประกาศของกรมศิลปากร ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 75 วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2478 ประกาศ ณ วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2523
2 2. พระพุทธรูปหลวงพ่อตโป เป็นพระประธานในพระวิหาร สร้างสมัยพระเจ้ายอดเชียงราย พ.ศ. 2035 เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองสัมริด ฝีมือช่างล้านนา และสุโขทัย ปางพิชิตมาร หน้าตักกว้าง 59 เซนติเมตร สูง 82 เซนติเมตร ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 พระวิหารเดิมเกิดชำรุดทรุดโทรมจนใช้การไม่ได้ คณะสงฆ์จังหวัดได้ประชุมตกลงกันให้อัญเชิญพระประธาน ไปประดิษฐานไว้ ณ ด้านหลังพระวิหารวัดพระสิงห์ และทำการก่อสร้างขึ้นใหม่เมื่อพ.ศ.2515 ท่านพระครูพิพัฒน์คณาภิบาล(ทอง สิริมงคโล) รักษาการเจ้าอาวาส ขณะนั้นได้อาราธนาหลวงพ่อตโป จากวัดพระสิงห์กลับสู่พระวิหารร่ำเปิง เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2518
3 3. พระพุทธรูปหลวงพ่อศรีอโยธยา เป็นพระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ มีอายุประมาณ 700-800 ปี หล่อด้วยศิลา ขนาดหน้าตกกว้าง 30 นิ้ว สูง47 นิ้ว โดยจ.ส.ต. ประยุทธ ไตรเพียร และคณะได้นำมาถวายไว้เป็นสมบัติของวัดร่ำเปิง เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2518
[iggetimage type=”locations” tag=”1026297240″ limits=”10″]
[iggetimage type=”tags” tag=”%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%87″ limits=”10″]


















