วัดแสนฝาง ตำบลช้างม่อย อำเภอเมืองเชียงใหม่
ที่ตั้ง : วัดแสนฝาง เลขที่ 188 ถนนท่าแพ ตำบลช้างม่อย อำเภอเมืองเชียงใหม่ 50300
วัดแสนฝาง ตำบลช้างม่อย อำเภอเมืองเชียงใหม่ วัดราษฏร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างวัดเมื่อ พ.ศ. ได้รับพระราชทานพัทธสีมาเมื่อ พ.ศ.
วัดแสงฝาง นั้น เดิมชื่อว่าวัดแสนฝัง มีที่มาจากชื่อของพระเจ้าแสนภูขึ้นครองราชสมบัติครั้งที่ 2 ทรงมีพระราชประสงค์จะฝากพระราชศรัทธาและฝากฝังพระราชสมบัติของพระองค์ไว้ในพระพุทธศาสนา จึงทรงสละราชทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างวัดแสนฝังขึ้นมา ชื่อ “แสน” จึงมาจากชื่อพระเจ้าแสนภู ส่วน “ฝัง” คือการที่พระองค์ได้บริจาคพระราชทรัพย์เพื่อสร้างวัด จึงถือว่าพระองค์ได้ฝังสมบัติไว้ในพระพุทธศาสนา
ตั้งอยู่ที่ถนนท่าแพเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งที่มีศิลปกรรมพม่าผสมอยู่โดยเฉพาะเจดีย์ที่มีการตกแต่ง ลวดลายปูนปั้นวิจิตรงดงาม นอกจากนี้ยังมีกุฏิเจ้าอาวาสซึ่งสร้างมานานกว่า 100 ปี เป็นจุดที่น่าสนใจอีกด้วย ตามประวัติเล่าว่าพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7 ให้รื้อที่ประทับของพระเจ้ากาวิโรรสสุริวงศ์ (เจ้าชีวิตอ้าว) เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 6 มาสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2420 ครั้นสร้างเสร็จแล้วจึงโปรดให้มีการฉลองในปี พ.ศ. 2421
วัดแสนฝาง ตำบลช้างม่อย อำเภอเมืองเชียงใหม่ วัดแสนฝาง เป็นอีกวัดที่มีชื่อเสียงในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะ “พระเจดีย์มงคลแสนมหาชัย” เจดีย์ทรงพม่าที่อยู่ภายในวัดมีลักษณะคล้ายเจดีย์ชเวดากองของพม่า เป็นเจดีย์สีขาวตกแต่งลวดลายปูนปั้นวิจิตรงดงาม มีความสูง 49 เมตร วัดแสนฝางนั้นเป็นวัดเก่าแก่สร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์เม็งรายและได้รับการอุปถัมป์บำรุงจากเจ้านครเชียงใหม่และคหบดีเชียงใหม่มาโดยตลอด ดังที่เห็นปรากฏจากแผ่นไม้จารึในวัดแสนฝาง
เดิมชื่อวัดแสนฝัง เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของนครเชียงใหม่ มีมาแต่โบราณกาล นักโบราณคดีของล้านนาหลายท่านได้ให้คำสันนิษฐานว่า สร้างมาประมาณ 600 ปีเศษมาแล้ว (ประมาณจุลศักราช 687 ปี) นับโดยอนุมาน ตามคำบอกเล่าของ นายบุญมา พุทธวงศ์ ซึ่งเป็นรัตตัญญู บุคคลผู้มีอายุร่วม 100 ปี บอกว่า ที่คนเฒ่าคนแก่ที่ล่วงลับดับตายไปเล่าสืบๆกันมาว่า
เมื่อพระเจ้ามังรายมหาราช พระผู้เป็นพระราชบิดาสวรรคตแล้ว ก็เสด็จจากเมืองเชียงราย โดยรี้พลโยธาเป็นจำนวนมาก เมื่อถึงเมืองเชียงใหม่แล้ว ก็จัดพระราชพิธีบำเพ็ญพระารชกุศลอุทิศถวายแด่ดวงวิญญาณพระเจ้ามังรายมหาราช เมื่องานถวายพระเพลิงศพเรียบร้อยแล้วจึงเอาพระอัฐิ (กระดูก) บรรจุในสถูปไว้กลางเวียงเชียงใหม่ ทรงชำระสะสางปรับปรุงราชการงานเมืองให้เข้ารีดเข้ารอยปกติสุขทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จึงการทำการราชาภิเษกท้าวแสนภู พระราชบุตรขึ้นเสวยราชสมบัติแทนพระเจ้าปู่ (พระเจ้ามังรายมหาราช) พระเจ้าแสนภูเสวยราชสมบัติได้ 1 ปี พระยาขุนเครือผู้เป็นพระเจ้าอา ยกรี้พลมาจากเมืองนายเขตพม่ามาล้อมเมืองเชียงใหม่ เพื่อแย่งชิงเอาราชสมบัติ จากพระเจ้าแสนภูผู้เป็นหลาน พระเจ้าแสนภูไม่คิดจะต่อสู้พระเจ้าอา จึงหนีออกจากเมืองเชียงใหม่ไปอยู่เมืองเชียงรายกับพระราชบิดา คือ พระเจ้าไชยสงคราม และกราบทูลเหตูการณ์ที่พระเจ้าอามาชิงเอาเมืองเชียงใหม่แก่พระราชบิดาให้ทรงทราบ
พระเจ้าไชยสงครามทรงกริ้วพระยาขุนเครือเป็นอย่างมาก จึงจัดรี้พลมอบให้ท้าวน้ำท่วม เจ้าเมืองฝางยกรี้พลมาปราบพระยาขุนเครือ ท้าวน้ำท่วมล้อมเมืองเชียงใหม่ไว้ทุกด้าน จนการะทั่งจับพระเจ้าขุนเครือได้ แล้วเอาใส่เรือนจำขังไว้ที่แจ่งเวียงนานได้ 4 ปี เจ้าพระยาขุนเครือก็จุติสวรรคต พระเจ้าไชยสงครามจึงเสด็จมาจัดพระราชทานเพลิงศพ แล้วจัดพระราชพิธีราชาภิเษกท้าวแสนถูให้เป็นเจ้าปกครองนครเชียงใหม่อีก เป็น ครั้งที่ 2
เมื่อพระเจ้าแสนภูได้ครองราชสมบัติ ครั้งที่ 2 นี้มีพระราชหฤทัยดำริว่า พระเจ้าปู่ก็ดี พระราชบิดาก็ดี มีพระราชหฤทัยในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนามาโดยลำดับ พระองค์จึงมีพระราชประสงค์ที่จะฝากฝังขุมพระราชทรัพย์ของพระองค์ไว้ในพระพุทธศาสนาตามเยี่ยงพระเจ้าปู่และ อย่างพระราชบิดาบ้างจึงดำริว่า ซากกองอิฐที่ปรากฏเป็นฐานพระเจดีย์ ในสถานที่รกร้างว่างเปล่าใกล้แม่น้ำเล็กๆ ห่างจากน้ำแม่ระมิงค์พอประมาณจึงพอพระราชหฤทัยสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ บริจาคบูรณะพระเจดีย์ที่สลักหักพังในบริเวณแห่งนี้ ให้เป็นรูปร่างพระเจดีย์ที่มั่นคงทนถาวร และสร้างพระวิหาร กุฏิ ที่อยู่อาศัยถวายแด่สมณะชีพราหมณ์ เพื่อเป็นการฝากฝังพระราชศรัทธา และพระราชสมบัติของพระองค์ไว้ ในพระพุทธศาสนา
สถานที่พระองค์ทรงสร้างนั้นจึงตั้งชื่อว่า “วัดแสนฝัง” คำว่าแสนตรงกับชื่อพระเจ้าแสนภู คำว่าฝังนั้น พระองค์ได้บริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ในการสร้างวัดนี้ขึ้น เมื่อล่วงกาลผ่านเวลาหลายร้อยปี ชื่อวัดย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไป ตามชื่อบ้านเมือง แม่น้ำลำคลอง ชื่อว่าแสนฝังก็กลายเป็นวัดแสนฝางไปย่อมเป็นไปได้ เมื่อเวลาล่วงเลยจนหมดราชวงศ์มังรายแล้ว จนถึงราชวงศ์สุลวะลือไชย์สงคราม ตั้งตระกูล ณ เชียงใหม่ วัดแสนฝากก็ได้รับอุปการะเอาใจใส่ ในการอุปถัมภ์บำรุงจากเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่โดยดีตลอดมา
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดนอกจากเจดีย์ทรงพม่าแล้ว ยังมี “วิหารลายคำ”วัดแสนฝาง มีสถาปัตยกรรมแบบล้านนาไทยหลังคาเตี้ย ประดับด้วยลวดลายไม้แกะสลักและปูนปั้นปิดทอง ตามหลักฐานพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าทิพย์เกษรราชเทวี ได้โปรดให้รื้อพระตำหนักที่ประทับพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ มาปรับปรุงดัดแปลงสร้างเป็นวิหารลายคำถวายวัด ส่วนที่น่าสนใจอื่นๆได้แก่ พระอุโบสถเจ้าดารารัศมี หอไตรหลังเก่า และกุฏิ 100 ปี
พระมหาดุลภาร ญาณสมฺปนฺโน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็น เจ้าอาวาสวัดแสนฝาง และยังดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการ เจ้าคณะตำบล ประวัติด้านการศึกษาของพระมหาดุลภาร ญาณสมฺปนฺโน พระมหาดุลภาร ญาณสมฺปนฺโน เจ้าอาวาสวัดแสนฝาง จบการศึกษาศึกษาระดับปริญญาตรี จากสถานบันการศึกษามหาวิทยาลัย มหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา เมื่อปีการศึกษา พ.ศ.2554
พระอธิการปัญญา ปญฺญาวํโส | ไม่ทราบปี พ.ศ. ที่แน่นอน |
พระอธิการโสภา โสภโณ | ไม่ทราบปี พ.ศ. ที่แน่นอน |
พระอธิการบุญจู โพธิวํโส | ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี พ.ศ.2478 ถึงปี พ.ศ.2482 |
เจ้าอธิการศรีหมื่น ฉนฺทวโร | ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 ถึงปี พ.ศ.2511 |
พระครูประจักษ์พัฒนคุณ (ถนอม ฐิตายุโก) | ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี พ.ศ.2512 ถึงปี พ.ศ.2558 |
พระมหาดุลภาร ญาณสมฺปนฺโน | ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 ถึงปัจจุบัน |
แผนที่วัดแสนฝาง ตำบลช้างม่อย อำเภอเมืองเชียงใหม่
วัดใกล้เคียงวัดแสนฝาง ตำบลช้างม่อย อำเภอเมืองเชียงใหม่
วัดอุปคุต ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่
วัดบุพพาราม ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่