อำเภอเชียงดาว

0
2832

เชียงดาว (คำเมือง: Lanna-Chiang Dao.png) เป็นหนึ่งในอำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นอำเภอต้นกำเนิดของแม่น้ำปิง อำเภอเชียงดาวมีอายุในการจัดตั้งเป็นอำเภอครบ 100 ปี ในปี พ.ศ. 2553

คำขวัญ

“เชียงดาวชายแดน ถ้ำสวยดอยสูง พระสถูปเมืองงาย กำเนิดสายแม่ปิง”

 ประวัติความเป็นมา

ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าบ้านเชียงดาวกำเนิดขึ้นในยุคสมัยใด แต่พงศาวดารโยนกได้อ้างถึงเมืองเชียงดาวนี้ 3 ครั้ง คือ

  • เมื่อประมาณ 600 ปีก่อน พระยาเม็งรายมหาวีรกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนาไทย เสวยราชสมบัติในนครเชียงใหม่ ได้ยกเมืองเชียงดาวให้เป็นบำเหน็จความชอบในราชการสงครามแก่เจ้าไชยสงคราม ราชโอรสองค์ที่ 2
  • สมัยที่พระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์พม่ายกกองทัพเข้ามา ในปี พ.ศ. 2109
  • เมื่อคราวที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงตั้งทัพที่บ้านเมืองงาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่เพื่อเดินทัพเข้าตีเมืองอังวะ

จากหลักฐานต่างๆ จึงอาจกล่าวได้ว่า เมืองเชียงดาวเป็นเมืองเก่าแก่โบราณ และในช่วงเวลานับเป็นร้อยปีของประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เมืองเชียงดาวคงประสบภัยสงครามทำให้เมืองร้างไปหลายครั้ง และก่อตั้งขึ้นมาใหม่อีกหลายครั้งเช่นเดียวกับเมืองเชียงใหม่และหัวเมืองอื่นๆ

ประวัติของอำเภอเชียงดาว หรือเมืองเชียงดาว ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนในประวัติศาสตร์ว่าสร้างมาในยุคใด สมัยใด มีเพียงตามที่ได้กล่าวพาดพิงไว้ในพงศาวดารโยนก ว่าเป็นเมืองที่พระเจ้าเม็งรายมหาวีรกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนาไทย ซึ่งเสวยราชสมบัติในนครเชียงใหม่ ได้ยกเมืองเชียงดาวให้เป็นบำเหน็จความชอบในราชการสงครามแก่เจ้าไชยสงคราม ราชโอรสองค์ที่ 2 เมื่อประมาณ 600 ปีเศษมาแล้วว่า พระเจ้าเม็งรายทราบข่าวจากคนสอดแนมที่สอดแนมเมืองหริภุญชัยว่า พญาเบิกยกทัพจากเขลางค์นครเพื่อตีเมืองหริภุญชัย และเมืองกุมกาม พระเจ้าเม็งรายจึงรับสั่งให้มีการสมโภชพระราชโอรส 7 วัน และสถาปนาเป็นเจ้าไชยสงคราม พระราชทานเครื่องอุปโภค บริโภค อย่างมหาอุปราชให้ไปครองเมืองเชียงราย และยกเมืองเชียงดาวให้เป็นบำเหน็จอีกเมืองหนึ่ง และ “ เจ้าไชยสงครามกับขุนเมืองทั้งหลายต่างทูลเจ้าพระยาเม็งรายกลับคืนไปรักษาเมืองแห่งตน ครั้นเจ้าไชยสงครามกลับไปถึงเมืองเชียงรายแล้ว จึงแต่งขุนช่างทั้งหลายมาแผ้วถางเมืองเชียงดาว สร้างคุ้มวังที่ประทับพร้อมด้วย โรงพล โรงช้าง โรงม้า ฉางข้าว ฉางเหลือบริบูรณ์ทุกอัน ครั้งรุ่งปีก็เสด็จมาประทับอยู่เมืองเชียงดาว ตั้งแต่เดือนห้าจนถึงเดือนแปด จึงกลับไปเมืองเชียงรายเสมอทุกปี ยามเองเจ้าไชยสงครามมาพักในเมืองเชียงดาวคราวใด ก็เสด็จไปเฝ้าพระราชบิดายังนครพิงค์เชียงใหม่ ปีละครั้งทุกปี ”
ในระยะตั้งแต่เดือน 9 ถึงเดือน 4 เจ้าไชยสงครามไปพักอยู่เมืองเชียงราย ทางเมืองเชียงดาว ก็ได้มอบให้ภรรยาคนหนึ่งอยู่ควบคุมดูแลแทน ซึ่งในเวลาต่อมา ภรรยาผู้นี้ของพระเจ้าไชยสงครามได้มีเรื่องกับขุนเครื่องราชโอรสองค์ที่ 3 ของเจ้าพระยาเม็งราย เจ้าพระยา เม็งรายจึงเนรเทศไปไว้ที่แคว้นไทยใหญ่ ส่วนทางด้านพวกชาวไทยใหญ่ก็สร้างเมืองถวายประทับเรียกว่า “เมืองนาย”
พงศาวดารกล่าวถึง เมืองเชียงดาวอีกว่า ในสมัยพระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์พม่ายกกองทัพเข้ามาตั้งอยู่ใน เชียงดาว รอพบทูตจากพระเจ้ามกุฎกษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่ ที่ส่งไปเจรจาความเมืองกัน ซึ่งผลสุดท้ายพม่าก็เข้าปกครองอาณาจักรล้านนาไทย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2109 และจากนั้นก็กล่าวถึงเมืองเชียงดาวอีกในคราวที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้กรีฑาทัพมาชุมนุมพลที่เมืองเชียงใหม่แล้วเดินทัพจากเมืองเชียงใหม่เข้าตีเมืองอังวะ ก่อนออกจากราชอาณาเขตได้ทรงยั้งทัพที่บ้านเมืองงาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแบ่งทัพออกเป็น 2 ทัพ คือ ทัพหลวงทรงคุมพลด้วยองค์เอง ออกไปตั้งที่เมืองหางแล้วทรงเสด็จสวรรคตที่เมืองหาง อีกทัพทรงโปรดเกล้าให้สมเด็จพระเจ้าเอกาทศรถคุมทัพไปทางเมืองฝางเข้าสู่เขตไทยใหญ่
ในพงศาวดารกล่าวถึงเมืองเชียงดาวเป็นครั้งราวแต่ระยะเวลาห่างกันมาก ในช่วงระยะเวลาที่ห่างกันมาก ๆ นี้ทำให้เราไม่สามารถทราบได้ว่ามีใครมาเป็นเจ้าเมืองเชียงดาวบ้างต่อจากเจ้าไชยสงคราม แต่ในตำนานถ้ำหลวงเชียงดาวกล่าวว่า ผู้ครองเมืองเชียงดาวมีนามว่า อนันทราชา เป็นผู้มีความเคารพเลื่อมใสถ้ำหลวงอันศักดิ์สิทธิ์เป็นคนแรก แต่ไม่ได้ก่อสร้างบูรณปฏิสังขรณ์ใด ๆ ไว้จึงทำให้ไม่มีหลักฐานว่า อนันทราชาผู้นี้ครองเมืองเชียงดาว ในปี พ.ศ. ใด

จากเรื่องราวที่พอจะสืบค้นได้นี้เราพอสรุปได้ว่า เมืองเชียงดาวเป็นเมืองเก่าแก่โบราณเมืองหนึ่ง มีอายุอย่างน้อยที่สุด ประมาณ 706 ปี นับถึง พ.ศ. 2546 นี้ และในช่วงเวลาดังกล่าวนับร้อย ๆ ปีนี้ เมืองเชียงดาวก็คงประสบภัยสงคราม ทำให้เป็นเมืองร้างไปหลายครั้งและอาจก่อตั้งขึ้นมาอีกเป็นหลายครั้ง เหมือนกับเมืองเชียงใหม่ และหัวเมืองอื่น ๆ จนกระทั่งประมาณ 100 ปี มานี้เอง ซึ่งตรงกับราชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในสมัยนั้นเป็นสมัยปฏิรูปการปกครองหัวเมืองทั้งฝ่ายเหนือ ฝ่ายใต้ โดยทรงจัดให้มีการปกครองในหัวเมืองรอบนอกแบบมณฑลเทศาภิบาล ซึ่งประมาณ พ.ศ. 2442 – 2476 ส่วนกลางมีแบบการปกครองตามอย่างอารยะประเทศ คือตั้งเป็นกระทรวงกลาโหม โดยเลิกล้มสมุหนายก สมุหกลาโหมเสีย หัวเมืองรอบนอกหลาย ๆ เมืองจัดตั้งเป็นมณฑล เมืองเชียงใหม่อยู่ในมณฑลพายัพ แต่ตำแหน่งเข้าเมืองโดยสืบตระกูลกันมา แต่เจ้าผู้ครองนครแต่เดิมนั้นยังมีอยู่ แต่ถูกลดอำนาจบทบาทการปกครองไป โดยทางรัฐบาลกลางส่งข้าหลวงประจำเมืองมาดูแลปกครอง มีข้าราชการตำแหน่งต่าง ๆ มาเป็นผู้ช่วยข้าหลวง ซึ่งเรียกว่า คณะกรรมการการเมืองและได้รับพระราชทานเงินเดือนจากป่าไม้ การค้าขายก็งดไป แต่มีการเก็บภาษีส่งกระทรวงที่กรุงเทพฯ และรัฐบาลก็จัดให้มีเงินเดือน เช่น ข้าราชการแทน “ ครั้นต่อมาจนสมัยรัชกาลที่ 7 ตั้งแต่ พ.ศ. 2469 เป็นต้นมาตำแหน่งเจ้าเมืองใดว่างลงก็ไม่ทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งอีกเจ้าเมืองใดยังมีชีวิตอยู่ก็โปรดพระราชทานเงินเดือนเลี้ยงชีพต่อไป ”

ครั้นหลัง ปี พ.ศ. 2475 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการปฏิรูปการปกครอง หัวเมืองขึ้นโดยมีเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตย การจัดการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาลก็เลิกไป แต่จัดให้มีการบริหารราชการส่วนภูมิภาคแบ่งเป็น จังหวัด อำเภอ ตำแหน่งผู้ปกครองอำเภอแต่เดิมเป็นตำแหน่งนายแขวง ก็เปลี่ยนมาเป็นตำแหน่งนายอำเภอ เมืองเชียงดาวอยู่ในมณฑลพายัพนายแขวงของอำเภอเชียงดาวซึ่งเป็นนายอำเภอคนแรกในปี พ.ศ. 2452 ก็คือ เจ้าราชบุตร ณ เชียงใหม่ (คือบุตรคนโตของเจ้าเมืองเชียงดาวคนก่อน ไม่ใช่เจ้าราชบุตรเมืองเชียงใหม่)ในสมัยที่เมืองต่าง ๆ มีเจ้าเมืองปกครอง บุตรชายคนโตมักได้ตำแหน่งเจ้าราชบุตร นอกนั้นจะมีตำแหน่งเจ้าราชวงศ์ , เจ้าราชสัมพันธ์ , เจ้าภาคิไนย ถ้าเป็นเมืองใหญ่ อันเป็นราชธานีของอาณาจักร ซึ่งพระยามหากษัตริย์ปกครองนั้น ผู้จะสืบต่อราชสมบัติมักจะได้เป็นเจ้าอุปราช

เมืองเชียงดาวตั้งอยู่ที่ใด ยังไม่มีใครกล้ายืนยันได้ว่า บริเวณเมืองเก่าเชียงดาวตั้งอยู่ที่ใด เพราะไม่มีใครสนใจศึกษาค้นคว้ามาก่อนทั้งนี้เพราะเมืองเชียงดาวเป็นหัวเมืองเล็กขึ้นต่อเมืองเชียงใหม่ ไม่ใช่เป็นเมืองราชธานีแห่งแคว้นอย่างไรก็ตาม มีซากเมืองเก่าอยู่แห่งหนึ่งในท้องที่ตำบลเชียงดาวปัจจุบัน นั่นคือ บริเวณที่เรียกว่า คือสองชั้น (คูสองชั้น) อยู่ทางทิศตะวันตกของถนนโชตนา สายฝาง-เชียงใหม่ ติดกับหมู่บ้านดงเทวีปัจจุบันนี้ พื้นที่ซากเวียงเก่านี้ ชาวบ้านก่อน ๆ เรียกกันว่า เวียงฮ่อ ความจริงแล้วในอาณาจักรคนไทยย่อมไม่มีชนชาติอื่นใดมาตั้งบ้านเมืองเป็นอิสระเอกเทศได้ และอีกประการหนึ่ง เวียงเก่าที่ เรียกว่า เวียงฮ่อ มีอยู่หลายที่เช่นที่อำเภอแม่อาย และในท้องที่จังหวัดเชียงราย และถ้าชื่อเวียงฮ่อ นี้เป็นชื่อที่ถูกต้อง ก็ต้องเป็นชื่อเรียกตามเหตุการณ์เกิดสงคราม เช่นเดียวกับคำว่า เวียงสุทโธ ในท้องที่อำเภอฝาง คือ ค่ายพักทหารพม่า คราวพระเจ้าสุทโธธรรมราชา กษัตริย์พม่ายกทัพมาตีเมืองฝาง และเมืองเชียงใหม่ประมาณปี พ.ศ. 2175 เนินที่ตั้งหน่วยงานทัพพม่านั้นผู้คนเลยเรียก เวียงสุทโธ มาจนทุกวันนี้ ความจริงแล้วไม่มีลักษณะเป็นซากเวียงเก่าเลย ไม่มีคูเหมือนกับซากเวียงเก่า หมู่บ้านดงเทวีเลย ตรงกันข้ามซากเวียงเก่าหมู่บ้านดงเทวีนี้ เป็นลักษณะของตัวเวียงหรือเมืองเก่าจริง ๆ เพราะมีคูเมืองแบบเมืองเชียงใหม่ ดังนั้น ตรงบริเวณนี้น่าจะเป็นเมืองเชียงดาวเก่ามากกว่า
ที่หมู่บ้านดงเทวี มีวัดร้างที่ได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่ที่ชื่อ “ วัดใจ(ดงเทวี) ” เป็นวัดเก่าแก่โบราณก้อนอิฐที่ใช้ก่อกำแพงวัดโต และหนามากแข็งแกร่งกว่าอิฐดินเผาในปัจจุบัน ซากเจดีย์มีลักษณะเป็นพูนดินทรงกลม โดยเฉพาะปล้องไฉนยอดเจดีย์ที่หักลงมามีลวดลายปูนปั้นพอเห็นได้เป็นกลีบบัว มีลักษณะคล้ายเจดีย์ร้างหลายแห่งที่มีอายุประมาณ 600 – 700 ปี แต่วัดร้างนี้อยู่นอกคูเมืองออกมา

เหตุใดผู้บูรณปฏิสังขรจึงให้ชื่อ “ วัดใจ (ดงเทวี) ” เข้าใจว่าท่านผู้นี้ต้องมีความรู้ในเรื่องเมืองเชียงดาวเก่าพอสมควร ถ้าหากว่าเป็นการตั้งชื่อโดยอาศัยชื่อพระยาไชยสงครามผู้มาปกครองเมืองเชียงดาว ดังกล่าวแล้ว ก็น่าจะเขียน “ วัดไชย ” ไม่ใช่ “ วัดใจ ” จึงจะถูกต้องและเป็นการถวายพระเกียรติแก่พระยาไชยสงคราม หรือมิฉะนั้นอาจด้วยเหตุผลอันที่ถูกต้องกว่าการสันนิษฐานนี้

ลักษณะเวียงสองชั้น(คูน้ำสองชั้น) แห่งนี้มีลักษณะพื้นที่ราบกว้างขวางประมาณ 4 ตารางกิโลเมตร ถ้าเรายืนอยู่ในเวียงเก่านี้จะมองเห็นดอยหลวงสูงเด่นตระหง่านชัดเจน ด้านหลังเวียงถ้ามองด้านตะวันออกจะเห็นพื้นที่ลาดเอียงลงไปกว้างขวาง และวัดเก่าที่เรียวกว่าวัดใจ(ดงเทวี) ที่ตั้งอยู่นอกเมือง มีกำแพงเมืองลักษณะคันดินพูนขึ้นสูงเป็นสองชั้นรอบตัวเมือง โดยคันดินที่เป็นกำแพงชั้นในสูงกว่าชั้นนอก คูระหว่างกำแพงลึกกว่าคูที่ตั้งอยู่หน้ากำแพง มูลดินชั้นนอก แต่เท่าที่ได้ไปเดินดูโดยไม่ละเอียดนักเป็นกำแพงมูลดินสูงขึ้น ไม่มีซากอิฐผสม จึงเป็นลักษณะตัวเมืองเก่าแก่โบราณที่เป็นเมืองเล็กไม่ใช่เมืองใหญ่ตัวเมืองลักษณะสี่เหลี่ยม แต่แปลกที่ไม่มีประตูเมืองทางคนเดิน เข้าออกตัวเมืองเก่า ในปัจจุบันนี้เป็นทางที่ชาวบ้านเข้าไปบุกเบิกทำไร่ ทำสวน โดยขุดเจาะกำแพงดินเข้าไปเองในไม่กี่ปีนี้ อย่างไรก็ตามกำแพงดินสองชั้นนี้ มีที่เจ้าออกตรงมุมเมือง และมีลักษณะเป็นกำแพงดินยื่นทำเป็นปีกกาขยายออกมา

จากการได้พบเศษวัตถุโบราณ เช่น พระเครื่องดินเผา มีลักษณะเนื้อดินหยาบแกร่ง ไม่ละเอียดเหมือนสกุลลำพูน แต่ลักษณะหยาบแกร่งคล้ายพระกรุวัดดอยคำเชียงใหม่ จากการพบเห็นแจกันและคนโทดินเผาเนื้อดินเคลือบหยาบ พออนุมานได้ว่าเป็นยุคเชียงใหม่ โดยเฉพาะพระพุทธรูปที่พบที่บ้านโป่งอาง เป็นศิลปเชียงใหม่ ศิลปสุโขทัย จึงทำให้มั่นใจว่าอย่างน้อยที่สุดเมืองเก่าต่าง ๆ ในอำเภอเชียงดาวต้องเป็นเมืองสร้างขึ้นในสมัย 600 – 700 ปี เพราะสมัยนั้นพระเจ้าเม็งรายตีหัวเมืองต่าง ๆ ในพม่า และไทยใหญ่ มาเป็นเมืองขึ้นมากมายหลายเมือง เข้าใจว่าพระองค์คงจะสร้างเมืองต่าง ๆ ตามชายแดนแคว้นลานนาไว้เพื่อป้องกันข้าศึกต่างชาติมากกว่า และอีกประการหนึ่งเป็นการสร้างแปงเมืองให้ผู้คนขยับขยายกันเข้าอยู่อาศัยให้เป็นอาณาจักรใหญ่ขึ้น ซึ่งพงศาวดารกล่าวถึงเมืองคองและเมืองเชียงดาวไว้ในสมัยพระเจ้าแสนภู พระราชโอรสเจ้าพระยาไชยสงครามว่า เมืองคองขึ่นกับแคว้นเมือง เชียงแสน ซึ่งในขณะนั้นเมืองเล็กเมืองน้อยขึ้นกับเมืองเชียงแสนถึง 65 หัวเมือง รวมทั้งเมืองเชียงดาวด้วย

ที่ตั้งของเวียงเก่าที่ชาวบ้านเรียกกันว่า คูสองชั้น เป็นตัวเวียงตั้งบนที่ราบ และสูงกว่าพื้นที่โดยรอบ ๆ เมื่อยืนอยู่ในตัวเวียงเก่านี้ สามารถมองเห็นที่ราบลุ่มโดยรอบได้ถนัด เป็นชัยภูมิที่ดีมากในการตั้งเมืองทางด้านหน้าห่างจากกำแพงเมืองภายในออกไปประมาณ 1 กม. จะมีวัดเก่าสร้างไว้กว้างขวางมาก ได้ไปเดินดูแนวกำแพงวัดยาวเหยียด บริเวณวัดกินเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ สอบถามชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นได้ความว่าเป็นวัดร้างเก่าแก่ และกว้างขวางมาก ก่อน ๆ มาไม่มีใครกล้าทำอะไร เช่น ทำไร่ ทำสวน แต่เดี๋ยวนี้ได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่เป็นสำนักปฏิบัติวิปัสสนา กัมมัฎฐานฝ่ายธรรมยุตินิกาย บริเวณในตัวเวียงเก่า มีผู้คนจับจองทำไร่ทำสวนกันหมดแล้ว กำแพงถูกเจาะขุดเอาดินไปขายหลายแห่ง อย่างไรก็ตาม น่าจะรักษาแนวกำแพงไว้ให้ดีเพื่อเป็นหลักฐาน ที่จะศึกษาค้นคว้าและเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ต่อไป

– ที่มา เบิกฟ้าเชียงดาว โดยสภาวัฒนธรรมอำเภอเชียงดาว. 2544

 

ที่ตั้งและอาณาเขต

อำเภอเชียงดาวตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดเชียงใหม่ ภูมิประเทศปกคลุมไปด้วยภูเขาสูง มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอและจังหวัดใกล้เคียงดังนี้

การแบ่งเขตการปกครอง

 การปกครองส่วนภูมิภาค

อำเภอเชียงดาวแบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น 7 ตำบล 83 หมู่บ้าน ได้แก่

ลำดับที่ อักษรไทย อักษรโรมัน จำนวนหมู่บ้าน ประชากร (พ.ศ. 2559) ประชากรแยกตามส่วนท้องถิ่น
(พ.ศ. 2559)
1. เชียงดาว Chiang Dao 16 15,567 4,201
11,366
(ทต. เชียงดาว)
(อบต. เชียงดาว)
2. เมืองนะ Mae Na 14 34,055 34,055 (ทต. เมืองนะ)
3. เมืองงาย Mueang Ngai 11 6,301 3,923
2,378
(ทต. เมืองงาย)
(ทต. พระธาตุปู่ก่ำ)
4. แม่นะ Mae Na 13 9,857 9,857 (ทต. แม่นะ)
5. เมืองคอง Mueang Khong 6 3,950 3,950 (อบต. เมืองคอง)
6. ปิงโค้ง Ping Khong 16 12,512 12,512 (ทต. ปิงโค้ง)
7. ทุ่งข้าวพวง Thung Khao Phuang 7 9,587 9,587 (ทต. ทุ่งข้าวพวง)
รวม 83 91,829 76,513 (เทศบาล)
15,316 (อบต.)

แหล่งท่องเที่ยว

  • ดอยหลวงเชียงดาว
  • น้ำตกศรีสังวาลย์
  • พระสถูปเจดีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชานุสรณ์